ประสบการณ์ทำงานสตาร์บัคส์
เชื่อว่างานพาร์ทไทม์ที่หลายคนใฝ่ฝัน จะต้องมีตำแหน่งบาริสต้าของสตาร์บัคอย่างแน่นอน ย้อนเวลาไปเมื่อสิบปีก่อน(ไอ้บ้าาา นานไปแล้วว 5-6ปีก็พอ)ด้วยความที่ช่วงนึง หลังจากเราเรียนจบ เรารู้สึกอยากทำงานพาร์ทไทม์มากกว่างานประจำ จึงได้ลองไปสมัครงานพาร์ทไทม์ตามที่ต่างๆ แน่นอนว่ามีสตาร์บัคส์ด้วย ซึ่งตอนนั้นเราไปสมัครกับเพื่อนอีกคนนึง แต่เพื่อนเรากลับไม่ได้เข้าสัมภาษณ์ จึงทำให้เรารู้ว่า กว่าจะได้เป็นพนักงานของสตาร์บัคนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย วันนี้เราจึงอยากมาเล่าประสบการณ์ ที่เราเคยทำงานกับสตาร์บัคค่ะ ว่าเขามีวิธีการรับสมัครกันอย่างไร เวลาเข้าไปทำงานจริงๆแล้ว เราได้ทำตำแหน่งหน้าที่อะไรบ้าง เดี๋ยววันนี้เราจะมาแจกแจงให้ฟัง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้ที่สนใจ และจะได้มองภาพของสายงานนี้ออกค่ะ
ตอนนั้นเราได้มีโอกาสไปสมัครงานสตาร์บัค ที่เดอะมอลล์รามคำแหง เนื่องจากเราได้ไปติดตามในเพจค่ะ(คลิกลิงค์เพจได้เลย คลิก) และได้ทราบมาว่าสตาร์บัค จะมาจัดบูธรับสมัครงานที่เดอะมอลล์รามคำแหง เรากับเพื่อนจึงชวนกันไปกรอกใบสมัคร รายละเอียดการกรอกใบสมัครก็ไม่มีอะไรมากมายค่ะ เราแค่กรอกรายละเอียดทั่วๆไป จากนั้นในใบสมัคร จะมีให้กรอกสาขาที่เราต้องการไปทำงาน เมื่อกรอกเสร็จก็ทำการส่งใบสมัคร หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็จะได้รับโทรศัพท์จากสตาร์บัคค่ะ แต่ตอนเราได้รับโทรศัพท์ เราได้รับจากสาขาที่เราไม่ได้กรอกในใบสมัคร ซึ่งค่อนข้างไกลจากบ้านเราพอสมควร แต่ด้วยความที่อยากลองทำเลยตอบตกลงค่ะ ทางสาขานั้นจึงทำการนัดวันสัมภาษณ์ โดยต้องไปสัมภาษณ์ที่สาขาที่เขาโทรมาถามเราอีกทีนึง ซึ่งถ้าไปสัมภาษณ์ที่สาขาแล้วไม่ผ่าน ก็จะไม่ได้ทำ แต่โดยส่วนใหญ่ถ้าได้ไปสัมภาษณ์ที่สาขา แล้วความประพฤติเราไม่ได้เลวร้ายขนาดรับไม่ได้ โดยส่วนใหญ่ก็จะผ่านสัมภาษณ์กันทุกคน การแต่กายก็เน้นชุดสุภาพ ตอนเราไปเราใส่เสื้อมีปกสีดำ+กางเกงสแลคสีดำ+รองเท้าผ้าใบสีดำ(รองเท้านักเรียน) ซึ่งมารู้ทีหลังว่าการใส่รองเท้าผ้าใบนั้นไม่เหมาะสมค่ะ เพราะจริงๆแล้วรองเท้าพนักงานสตาร์บัคจะต้องเป็นรองเท้าหนัง เพื่อป้องกันเวลาน้ำร้อนลวกใส่ค่ะ ส่วนคำถามหลักๆในการสัมภาษณ์ที่เราเจอ จะมีดังนี้ค่ะ
คำถามสัมภาษณ์สตาร์บัคส์
-ทำไมถึงอยากทำงานที่นี่
-รู้จักกาแฟชนิดไหนบ้าง
-ทัศนคติต่อการทำงาน(เช่นเจองานหนักจะไหวมั้ย,ถ้าต้องอยู่ล่วงเวลาละ,ถ้าเจอลูกค้าเหวี่ยงใส่จะมีการรับมือยังไง เป็นต้น)
-พูดคุยทั่วไป ครอบครัวมีกี่คน สะดวกทำงานวันไหน ฯลฯ
-สนใจเป็นพนักงานประจำบ้างไหม(ตอนนั้นเราสมัครแบบพาร์ทไทม์ไปค่ะ)
***เคล็ดในการสัมภาษณ์งานสตาร์บัคส์***
หากตั้งใจและอยากทำจริงๆ ให้พยายามแสดงความจริงใจให้มากที่สุดค่ะ คือพยายามแสดงให้ทางร้านเห็นว่าเราตั้งใจจริงๆนะ ไม่ได้มาเล่นๆ ตั้งใจจะทำนานๆ เพราะเราได้ยินพี่ที่ร้านกระซิบมาว่า จริงๆแล้วสตาร์บัคส์ไม่ได้รับพนักงานยากเลย(ถ้าไม่ได้ถึงกับนิสัยเหลวแหลก ไม่มีความรับผิดชอบ อะไรแบบนี้) แต่ที่ต้องมีการสแกนและขั้นตอนที่เยอะมากๆก็เพราะส่วนใหญ่เข้ามาทำแล้วก็ลาออกกันเร็ว บางคนทำไม่ถึงเดือนก็ลาออกแล้ว บางทีหนักหน่อยก็หายไปเฉยๆเลย ซึ่งทำให้ทางร้านเสียเวลา และเสียงบในการอบรมด้วยค่ะ ซึ่งเวลาสัมภาษณ์งานสตาร์บัคส์เขาก็จะดูหลักๆว่าเรามีความอดทนไหม และจะทำงานกับเขานานไหม
และของเราตอนสัมภาษณ์ พี่ที่เป็นหัวหน้าสาขาจะชงกาแฟมาให้ชิมค่ะ โดยจะชงมาให้เป็นสี่ถ้วยเล็กๆ แล้วให้เราตอบว่าเป็นกาแฟชนิดไหน รสชาติแตกต่างกันอย่างไร เราเจอไปครั้งแรกเรางงเลยค่ะ เพราะจริงๆแล้วเราเป็นคนไม่ทานกาแฟเลย แต่ที่เราอยากมาทำงานสตาร์บัคส์เพราะรู้สึกชอบระบบการทำงานของเขาเลยอยากลองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรค่ะ ซึ่งพอเราตอบไม่ได้ พี่เขาก็ไม่ได้โกรธหรืออะไร เขาก็อธิบายชนิดกาแฟมห้ฟัง ก่อนจะบอกว่า โอเค เดี๋ยวทดลองงานเลย4ชม. โดยขั้นตอนการทดลองงานที่เราเจอก็จะมีดังนี้ค่ะ
ทดลองงานสตาร์บัค
-ทำความสะอาดแก้ว,จาน,ถ้วย ฝึกใช้เครื่องล้างอัตโนมัติ
-เดินเก็บแก้วกาแฟ+ทำความสะอาดโต๊ะ คือพอลูกค้าลุกจากโต๊ะปุ๊บ ต้องรีบเข้าชาร์จภปทำความสะอาดทันที
-ของเราด้วยความที่สาขายุ่งมากๆ เราเลยได้ลองชงเครื่องดื่มตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ(แต่เป็นช่วงที่ลูกค้าน้อยมาก+ร้านกำลังจะปิดแล้ว) เพราะพี่ที่สาขาเขาอยากให้เราชงเครื่องดื่มเป็นให้เร็วที่สุด จะได้ช่วยงานได้ค่ะ
เมื่อทดลองผ่านแล้ว ก็จะได้เป็นพนักงานค่ะ(แต่ของเราเป็นพาร์ทไทม์นะคะ) ถึงแม้จะเป็นพาร์ทไทม์ แต่ก็มีสวัสดิการเช่นกันค่ะ โดนจะมีเสื้อสีดำ 2 ตัว และจะได้เครื่องดื่มฟรีสองแก้วต่อวัน เรียกได้ว่าชงได้ตามใจเลย เวลามีขนมหรืออาหารเมนูใหม่ๆ พี่ๆก็จะให้เราทานค่ะ เนื่องจากเวลาลูกค้าถามเราจะต้องตอบให้ได้ว่ารสชาติขนมเป็นยังไง
สวัสดิการสตาร์บัคคร่าวๆก็จะมีประมาณนี้ค่ะ ตามภาพเลย
***สิทธิ์สวัสดิการของพนักงานประจำกับพนักงานพาร์ทไทม์จะต่างกันเล็กน้อยตรงที่พนักงานพาร์ทไทม์จะได้สิทธิ์น้อยกว่านิดนึงค่ะ
หลังจากนั้นพอเป็นพนักงานแล้ว ก็จะมีให้อบรมเรื่อยๆค่ะ และก็ต้องไปทำบัตรประจำตัวด้วย เราได้ไปทำบัตรที่ตึก Exchange Tower ค่ะ ส่วนในเรื่องเงินเดือนสมัยเราทำเงินเดือนของพนักงานประจำจะอยู่ที่ 12,500 บาท และทำ6วัน/อาทิตย์ รายชั่วโมงจะอยู่ที่ประมาณ54-56บาท ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่
แต่ปัจจุบันทำงานสตาร์บัคเงินเดือนจะอยู่ที่ 14,000บาทนะคะ ส่วนรายชม.อยู่ที่60บาทค่ะ
สรุปโดยรวมนะคะ ถ้าได้ทำสาขาในห้าง อาจจะต้องใช้ความอดทนสูงนิดนึงเพราะงานจะค่อนข้างหนักค่ะ บางทีไม่ได้นั่งเลยทั้งวัน ยืนกันขาแข็งกันเลยทีเดียว แต่สำหรับสวัสดิการเราว่าไม่น่าเกลียดเลยค่ะ อีกทั้งได้ประสบการณ์ ได้ฝึกภาษาด้วย(ในกรณีสาขาอยู่ในย่านท่องเที่ยว) ลักษณะงานหากใครไม่ค่อยชอบงานบริการก็อาจจะลำบากนิดนึงค่ะ เพราะหน้าที่ของเรานอกจากจะต้องชงเครื่องดื่ม ทำความสะอาดร้านแล้วยังต้องเอาใจใส่ลูกค้าด้วยค่ะ สำหรับใครที่ชื่นชอบหรือสนใจ และได้ลองสมัครงานกับสตาร์บัคส์แล้ว อาจจะกำลังรอผล หรือรอสัมภาษณ์อยู่ก็ขอให้ได้ให้โดนทุกคน โชคดีสมหวังสมดั่งใจ ถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรสามารถสอบถามได้ที่คอมเม้นต์ด้านล่างได้เลยนะคะ
-ทำไมถึงอยากทำงานที่นี่
-รู้จักกาแฟชนิดไหนบ้าง
-ทัศนคติต่อการทำงาน(เช่นเจองานหนักจะไหวมั้ย,ถ้าต้องอยู่ล่วงเวลาละ,ถ้าเจอลูกค้าเหวี่ยงใส่จะมีการรับมือยังไง เป็นต้น)
-พูดคุยทั่วไป ครอบครัวมีกี่คน สะดวกทำงานวันไหน ฯลฯ
-สนใจเป็นพนักงานประจำบ้างไหม(ตอนนั้นเราสมัครแบบพาร์ทไทม์ไปค่ะ)
***เคล็ดในการสัมภาษณ์งานสตาร์บัคส์***
หากตั้งใจและอยากทำจริงๆ ให้พยายามแสดงความจริงใจให้มากที่สุดค่ะ คือพยายามแสดงให้ทางร้านเห็นว่าเราตั้งใจจริงๆนะ ไม่ได้มาเล่นๆ ตั้งใจจะทำนานๆ เพราะเราได้ยินพี่ที่ร้านกระซิบมาว่า จริงๆแล้วสตาร์บัคส์ไม่ได้รับพนักงานยากเลย(ถ้าไม่ได้ถึงกับนิสัยเหลวแหลก ไม่มีความรับผิดชอบ อะไรแบบนี้) แต่ที่ต้องมีการสแกนและขั้นตอนที่เยอะมากๆก็เพราะส่วนใหญ่เข้ามาทำแล้วก็ลาออกกันเร็ว บางคนทำไม่ถึงเดือนก็ลาออกแล้ว บางทีหนักหน่อยก็หายไปเฉยๆเลย ซึ่งทำให้ทางร้านเสียเวลา และเสียงบในการอบรมด้วยค่ะ ซึ่งเวลาสัมภาษณ์งานสตาร์บัคส์เขาก็จะดูหลักๆว่าเรามีความอดทนไหม และจะทำงานกับเขานานไหม
และของเราตอนสัมภาษณ์ พี่ที่เป็นหัวหน้าสาขาจะชงกาแฟมาให้ชิมค่ะ โดยจะชงมาให้เป็นสี่ถ้วยเล็กๆ แล้วให้เราตอบว่าเป็นกาแฟชนิดไหน รสชาติแตกต่างกันอย่างไร เราเจอไปครั้งแรกเรางงเลยค่ะ เพราะจริงๆแล้วเราเป็นคนไม่ทานกาแฟเลย แต่ที่เราอยากมาทำงานสตาร์บัคส์เพราะรู้สึกชอบระบบการทำงานของเขาเลยอยากลองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรค่ะ ซึ่งพอเราตอบไม่ได้ พี่เขาก็ไม่ได้โกรธหรืออะไร เขาก็อธิบายชนิดกาแฟมห้ฟัง ก่อนจะบอกว่า โอเค เดี๋ยวทดลองงานเลย4ชม. โดยขั้นตอนการทดลองงานที่เราเจอก็จะมีดังนี้ค่ะ
ทดลองงานสตาร์บัค
-ทำความสะอาดแก้ว,จาน,ถ้วย ฝึกใช้เครื่องล้างอัตโนมัติ
-เดินเก็บแก้วกาแฟ+ทำความสะอาดโต๊ะ คือพอลูกค้าลุกจากโต๊ะปุ๊บ ต้องรีบเข้าชาร์จภปทำความสะอาดทันที
-ของเราด้วยความที่สาขายุ่งมากๆ เราเลยได้ลองชงเครื่องดื่มตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ(แต่เป็นช่วงที่ลูกค้าน้อยมาก+ร้านกำลังจะปิดแล้ว) เพราะพี่ที่สาขาเขาอยากให้เราชงเครื่องดื่มเป็นให้เร็วที่สุด จะได้ช่วยงานได้ค่ะ
เมื่อทดลองผ่านแล้ว ก็จะได้เป็นพนักงานค่ะ(แต่ของเราเป็นพาร์ทไทม์นะคะ) ถึงแม้จะเป็นพาร์ทไทม์ แต่ก็มีสวัสดิการเช่นกันค่ะ โดนจะมีเสื้อสีดำ 2 ตัว และจะได้เครื่องดื่มฟรีสองแก้วต่อวัน เรียกได้ว่าชงได้ตามใจเลย เวลามีขนมหรืออาหารเมนูใหม่ๆ พี่ๆก็จะให้เราทานค่ะ เนื่องจากเวลาลูกค้าถามเราจะต้องตอบให้ได้ว่ารสชาติขนมเป็นยังไง
สวัสดิการสตาร์บัคคร่าวๆก็จะมีประมาณนี้ค่ะ ตามภาพเลย
***สิทธิ์สวัสดิการของพนักงานประจำกับพนักงานพาร์ทไทม์จะต่างกันเล็กน้อยตรงที่พนักงานพาร์ทไทม์จะได้สิทธิ์น้อยกว่านิดนึงค่ะ
หลังจากนั้นพอเป็นพนักงานแล้ว ก็จะมีให้อบรมเรื่อยๆค่ะ และก็ต้องไปทำบัตรประจำตัวด้วย เราได้ไปทำบัตรที่ตึก Exchange Tower ค่ะ ส่วนในเรื่องเงินเดือนสมัยเราทำเงินเดือนของพนักงานประจำจะอยู่ที่ 12,500 บาท และทำ6วัน/อาทิตย์ รายชั่วโมงจะอยู่ที่ประมาณ54-56บาท ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่
แต่ปัจจุบันทำงานสตาร์บัคเงินเดือนจะอยู่ที่ 14,000บาทนะคะ ส่วนรายชม.อยู่ที่60บาทค่ะ
สรุปโดยรวมนะคะ ถ้าได้ทำสาขาในห้าง อาจจะต้องใช้ความอดทนสูงนิดนึงเพราะงานจะค่อนข้างหนักค่ะ บางทีไม่ได้นั่งเลยทั้งวัน ยืนกันขาแข็งกันเลยทีเดียว แต่สำหรับสวัสดิการเราว่าไม่น่าเกลียดเลยค่ะ อีกทั้งได้ประสบการณ์ ได้ฝึกภาษาด้วย(ในกรณีสาขาอยู่ในย่านท่องเที่ยว) ลักษณะงานหากใครไม่ค่อยชอบงานบริการก็อาจจะลำบากนิดนึงค่ะ เพราะหน้าที่ของเรานอกจากจะต้องชงเครื่องดื่ม ทำความสะอาดร้านแล้วยังต้องเอาใจใส่ลูกค้าด้วยค่ะ สำหรับใครที่ชื่นชอบหรือสนใจ และได้ลองสมัครงานกับสตาร์บัคส์แล้ว อาจจะกำลังรอผล หรือรอสัมภาษณ์อยู่ก็ขอให้ได้ให้โดนทุกคน โชคดีสมหวังสมดั่งใจ ถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรสามารถสอบถามได้ที่คอมเม้นต์ด้านล่างได้เลยนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น