วิธีป้องกันไวรัสโคโรน่า COVID19 ด้วยตัวเองเบื้องต้น
ณ จุดๆนี้ทอปปิคที่ร้อนแรงที่สุดในประเทศไทยคงหนีไม่พ้นเรื่องไวรัสโคโรน่าอย่างแน่นอนค่ะ หลายๆคนคงทราบว่าไวรัสโคโรน่านั้นต้นกำเนิดมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ในเมืองอู่ฮั่น และประเทศไทยเรานั้นมีนักท่องเที่ยวจีนนิยมมาท่องเที่ยวมากมาย แอบน่าน้อยใจเหมือนกันนะคะว่าประเทศเรามีอะไรหลายอย่างมาก ทั้งฝุ่นPM 2.5 ทั้งไวรัสโคโรน่า จนตอนนี้แทบจะไม่มีอากาศหายใจกันแล้วค่ะ หน้ากากก็ขาดแคลนเหลือเกิน มาค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเบื้องต้นในการดูแลตัวเอง ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยฝุ่นและไวรัสกันค่ะ
1.อย่าพยายามเอามือจับใบหน้า เชื่อมั้ยคะว่ามือที่เราไปสัมผัสกับสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกบิดประตู โต๊ะ กระเป๋า ทุกที่แทบจะมีเชื้อไวรัสทั้งสิ้น ถึงแม้เราจะไม่เคยไปอู่ฮั่น แต่ถ้าเราจับวัตถุที่คนมีเชื้อสัมผัสมาก่อนแล้วเราไปจับหน้าตัวเองเนี่ย โอกาสที่เราจะติดเชื้อนั้นมีสูงมากเลยค่ะ เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้ พยายามอย่าเอามือมาจับหน้าตัวเองค่ะ
2. ล้างมือให้สะอาด เป็นไปได้ให้นานเกิน30วินาที อันนี้เราไปอ่านเจอในเพจJapansalaryman มาค่ะ เห็นมาแว๊บๆ และการล้างมือที่ดีควรล้างให้ทั่วถึง ถูซอกนิ้วซอกเล็บและข้อมือ หลังมือ ให้สะอาดค่ะ น้ำสบู่ดีที่สุดค่ะเพราะจะไปทำลายชั้นไขมันบนมือที่เป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อ หากล้างชั้นไขมันได้ เชื้อไม่มีที่อยู่ก็จะตายค่ะ
3.ถ้าไม่สะดวกในการล้างมือ แนะนำให้ใช้เจลล้างมือหรือแอลกอฮอลล์ฆ่าเชื้อ จะใช้แอลกอฮอลล์น้ำสีฟ้าๆที่70%ก็ได้นะคะ ควรพกไว้เป็นอย่างยิ่ง
4.เวลาใส่แมสก์ เวลาใส่หรือถอดหน้ากากพยายามให้จับที่สายยางรัด ไม่จับที่ตัวหน้ากากโดยตรง เพราะตรงส่วนหน้ากากนั้นจะเป็นส่วนสะสมเชื้อโรค ซึ่งถ้ามือเราไปสัมผัสโดน ก็ไม่ต่างอะไรกับการสัมผัสเชื้อโรคเต็มๆ แฃะเงฃาพับเก็บให้พับด้านที่สัมผัสเชื้อโรคเข้าด้วยกันค่ะ เพราะถ้าเราดันพับด้านที่สัมผัสใบหน้าเราไว้ข้างในแล้วเก็บใส่กระเป๋า กลับกลายเป็นกระเป๋าเราก็จะสัมผัสเชื้อโรคไปด้วยค่ะ(ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงหน้ากากอนามัยที่เราเอาด้านเขียวออก ถ้าเวลาพับเก็บให้เอาด้านเขียวพับประกบเข้าหากันค่ะ)
5.หากไอ หรือ จาม ให้ไอจามใส่หน้ากากไปเลยค่ะ ไม่ต้องเปิดหน้ากากออกมาแล้วไอนะคะ เพราะตัวหน้ากากด้านในจะช่วยซับของเหลวที่เป็นละอองไว้ไม่ให้แพร่เชื้อสู่อากาศได้ค่ะ สำหรับหน้ากากนั้นจริงๆแล้วจะจำเป็นสำหรับผู้ที่มีเชื้อหรือป่วยอยู่แล้วมากกว่าค่ะ เพราะจริงๆแล้วเชื้อไวรัสโคโรน่าเนี่ยมันเล็กกว่ารูหน้ากากซะอีกค่ะ
6.หลีกเลี่ยงการไปในที่ๆแออัดที่ซึ่งอากาศไม่ค่อยถ่ายเท เพราะเปอร์เซ็นต์ในการติดเชื้อจะง่ายกว่าปกติค่ะ ลองนึกภาพคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมหลายๆคนแล้วมีหนึ่งในนั้นจามฮัดชิ่วออกมา เชื้อโรคจะปนมากับสารคัดหลั่งกระเด็นไปติดตรงนู้ตรงนี้และอีกส่วนหนึ่งก็จะล่องลอยฟุ้งไปในอากาศ ยิ่งถ้าเป็นสถานที่ปิด อากาศไมถ่ายเท รับรองว่าช่วงเวลาที่คนในห้องนั้นหายใจ ต้องได้รับส่วนแบ่งเป็นฝอยละอองที่กำลังฟุ้งอยู่อย่างทั่วถึงแน่นอนค่ะ
7.ควรทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด เพราะเวลาสั่งอาหารทาข้างนอก หากคนทำอาหารไม่ได้ใส่หน้ากากแล้วเผลอจามลงไปละก็....ขนลุกกันเลยทีเดียวเชียวค่ะ
8.นอกจากจะกินร้อนแล้ว ช้อนกลางก็เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราเข้าใจผิดกันมาตลอดค่ะ เราควรจะกินช้อนใครช้อนมัน และถ้าเป็นไปได้ ใช้ชามภาชนะของใครของมันด้วยก็จะดีที่สุดค่ะ
9.พยายามสร้าง Social Distancing คืออยู่ให้ห่างกันประมาณ 1 - 2 เมตร เพราะเวลาเราพูดคุยกันจะมีฝอยละอองน้ำลายเล็กๆซึ่งบางทีก็ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระเด็นออกมาค่ะ สำหรับคู่ข้าวใหม่ปลามัน หรือเพิ่งจะเป็นแฟนกันก็อาจจะทรมาณหัวใจกันซักนิดนึงนะคะ แต่ช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้พยายามอดทนกันไปก่อนนะคะ เพื่อชาติของพวกเราที่รักยิ่ง...
เอาใจช่วยทุกๆคนให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้กันไปด้วยกันให้ได้นะคะ ส่วนตัวคนเขียนก็ค่อนข้างกลัวค่ะ แต่ที่ทำงานยังให้ไปทำงานทุกวัน ล่าสุดคนฝั่งตรงข้ามตึกที่คนเขียนอยู่เป็นกันไปแล้วเพราะกลับมาจากสนามมวยลุมพินีค่ะ หนาวๆร้อนๆเหมือนกัน ยังไงก็สู้ๆไปด้วยกันนะคะ
1.อย่าพยายามเอามือจับใบหน้า เชื่อมั้ยคะว่ามือที่เราไปสัมผัสกับสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกบิดประตู โต๊ะ กระเป๋า ทุกที่แทบจะมีเชื้อไวรัสทั้งสิ้น ถึงแม้เราจะไม่เคยไปอู่ฮั่น แต่ถ้าเราจับวัตถุที่คนมีเชื้อสัมผัสมาก่อนแล้วเราไปจับหน้าตัวเองเนี่ย โอกาสที่เราจะติดเชื้อนั้นมีสูงมากเลยค่ะ เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้ พยายามอย่าเอามือมาจับหน้าตัวเองค่ะ
2. ล้างมือให้สะอาด เป็นไปได้ให้นานเกิน30วินาที อันนี้เราไปอ่านเจอในเพจJapansalaryman มาค่ะ เห็นมาแว๊บๆ และการล้างมือที่ดีควรล้างให้ทั่วถึง ถูซอกนิ้วซอกเล็บและข้อมือ หลังมือ ให้สะอาดค่ะ น้ำสบู่ดีที่สุดค่ะเพราะจะไปทำลายชั้นไขมันบนมือที่เป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อ หากล้างชั้นไขมันได้ เชื้อไม่มีที่อยู่ก็จะตายค่ะ
3.ถ้าไม่สะดวกในการล้างมือ แนะนำให้ใช้เจลล้างมือหรือแอลกอฮอลล์ฆ่าเชื้อ จะใช้แอลกอฮอลล์น้ำสีฟ้าๆที่70%ก็ได้นะคะ ควรพกไว้เป็นอย่างยิ่ง
4.เวลาใส่แมสก์ เวลาใส่หรือถอดหน้ากากพยายามให้จับที่สายยางรัด ไม่จับที่ตัวหน้ากากโดยตรง เพราะตรงส่วนหน้ากากนั้นจะเป็นส่วนสะสมเชื้อโรค ซึ่งถ้ามือเราไปสัมผัสโดน ก็ไม่ต่างอะไรกับการสัมผัสเชื้อโรคเต็มๆ แฃะเงฃาพับเก็บให้พับด้านที่สัมผัสเชื้อโรคเข้าด้วยกันค่ะ เพราะถ้าเราดันพับด้านที่สัมผัสใบหน้าเราไว้ข้างในแล้วเก็บใส่กระเป๋า กลับกลายเป็นกระเป๋าเราก็จะสัมผัสเชื้อโรคไปด้วยค่ะ(ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงหน้ากากอนามัยที่เราเอาด้านเขียวออก ถ้าเวลาพับเก็บให้เอาด้านเขียวพับประกบเข้าหากันค่ะ)
5.หากไอ หรือ จาม ให้ไอจามใส่หน้ากากไปเลยค่ะ ไม่ต้องเปิดหน้ากากออกมาแล้วไอนะคะ เพราะตัวหน้ากากด้านในจะช่วยซับของเหลวที่เป็นละอองไว้ไม่ให้แพร่เชื้อสู่อากาศได้ค่ะ สำหรับหน้ากากนั้นจริงๆแล้วจะจำเป็นสำหรับผู้ที่มีเชื้อหรือป่วยอยู่แล้วมากกว่าค่ะ เพราะจริงๆแล้วเชื้อไวรัสโคโรน่าเนี่ยมันเล็กกว่ารูหน้ากากซะอีกค่ะ
6.หลีกเลี่ยงการไปในที่ๆแออัดที่ซึ่งอากาศไม่ค่อยถ่ายเท เพราะเปอร์เซ็นต์ในการติดเชื้อจะง่ายกว่าปกติค่ะ ลองนึกภาพคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมหลายๆคนแล้วมีหนึ่งในนั้นจามฮัดชิ่วออกมา เชื้อโรคจะปนมากับสารคัดหลั่งกระเด็นไปติดตรงนู้ตรงนี้และอีกส่วนหนึ่งก็จะล่องลอยฟุ้งไปในอากาศ ยิ่งถ้าเป็นสถานที่ปิด อากาศไมถ่ายเท รับรองว่าช่วงเวลาที่คนในห้องนั้นหายใจ ต้องได้รับส่วนแบ่งเป็นฝอยละอองที่กำลังฟุ้งอยู่อย่างทั่วถึงแน่นอนค่ะ
7.ควรทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด เพราะเวลาสั่งอาหารทาข้างนอก หากคนทำอาหารไม่ได้ใส่หน้ากากแล้วเผลอจามลงไปละก็....ขนลุกกันเลยทีเดียวเชียวค่ะ
8.นอกจากจะกินร้อนแล้ว ช้อนกลางก็เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราเข้าใจผิดกันมาตลอดค่ะ เราควรจะกินช้อนใครช้อนมัน และถ้าเป็นไปได้ ใช้ชามภาชนะของใครของมันด้วยก็จะดีที่สุดค่ะ
9.พยายามสร้าง Social Distancing คืออยู่ให้ห่างกันประมาณ 1 - 2 เมตร เพราะเวลาเราพูดคุยกันจะมีฝอยละอองน้ำลายเล็กๆซึ่งบางทีก็ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระเด็นออกมาค่ะ สำหรับคู่ข้าวใหม่ปลามัน หรือเพิ่งจะเป็นแฟนกันก็อาจจะทรมาณหัวใจกันซักนิดนึงนะคะ แต่ช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้พยายามอดทนกันไปก่อนนะคะ เพื่อชาติของพวกเราที่รักยิ่ง...
เอาใจช่วยทุกๆคนให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้กันไปด้วยกันให้ได้นะคะ ส่วนตัวคนเขียนก็ค่อนข้างกลัวค่ะ แต่ที่ทำงานยังให้ไปทำงานทุกวัน ล่าสุดคนฝั่งตรงข้ามตึกที่คนเขียนอยู่เป็นกันไปแล้วเพราะกลับมาจากสนามมวยลุมพินีค่ะ หนาวๆร้อนๆเหมือนกัน ยังไงก็สู้ๆไปด้วยกันนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น