เอาเงินไปลงทุนในหุ้นดีกว่าถ้าต้องซื้อประกันชีวิต มันดีจริงเหรอ บทนี้มีคำตอบ


การซื้อประกันบางครั้งหลายๆคนก็มักจะนำไปเปรียบเทียบกับการลงทุนชนิดอื่นค่ะ เช่นว่าถ้าเรามีเงินซักก้อนนึงแล้วบางคนก็จะแนะนำให้เรานำไปไว้ในกองทุนรวมบ้าง ไว้ในหุ้นบ้าง เพราะถ้าใครที่ดูภาพรวมเศรษฐกิจเป็น วิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจและกิจการต่างๆที่สนใจเป็นนั้น บางกองทุนหรือกุ้นบางตัวอาจทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ บางทีมากกว่าการซื้อประกันทั้งชีวิตซะอีก แล้วอย่างงั้นเราจะเอาเงินไปฝากไว้ในประกันชีวิต ที่ได้ผลตอบแทนก็ช้า แถมยังได้น้อยอีกไปทำไมกันละ


จริงๆต้องขอยกเรื่องสัจธรรมของโลกเข้ามาเอี่ยวนิดนึง บทความในวันนี้ขอบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลักศาสนาแต่อย่างใดแต่มันคือสิ่งที่คนเราทุกคนจะต้องได้พบเจอ นั่นก็คือความไม่แน่นอนของชีวิตค่ะ เราลองมาสมมติภาพกันว่า หากวันนี้เรานำเงินของเราทั้งชีวิตไปฝากไว้ในหุ้นหรือกองทุนรวม ซึ่งอาจจะฝากไปได้แค่ปีหรือ2ปี แต่แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน เราเกิดประสบอุบัติเหตุ ถามว่าสิ่งที่เราลงทุนมาแต่ยังไม่เกิดดอกเกิดผล แต่ตัวเรากลับเปนอะไรไปเสียก่อน แล้วคนที่อยู่ข้างหลังเรา ครอบครัวเราจะทำยังไง หลายคนอาจจะมองถึงผลตอบแทนในระยะสั้นๆเพราะอาจจะเห็นบางคนลงทุนในหุ้นแล้วได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ต้องขอบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆค่ะ สิ่งที่เราควรจะทำกับเงินที่เรามีหลังหักค่าใช้จ่ายไปแล้วนั้น นอกจากจะเก็บไว้ในธนาคารเพื่อให้มีสภาพคล่องเวลาต้องใช้เงินในยามจำเป็นแล้ว การมองหาวิธีการลงทุน ก็เป็นอีกวิธีที่เราควรศึกษาไว บางคนบอกว่าลงทุนในหุ้นบางทีได้ตั้ง10% มากกว่าฝากธนาคารอีก แต่อย่าลืมว่าความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย ไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่าเงินที่เราลงทุนไปแล้วนั้นจะได้กำไรจริงๆ เราอาจจะขาดทุนจนเงินก้อนนั้นหมดไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นนอกจากเราจะต้องแบ่งสัดส่วนในการจัดเก็บเงินและการลงทุนแล้ว เราก็ต้องมีอะไรมารองรับความเสี่ยงของชีวิตเราด้วย นั่นก็คือการซื้อประกันชีวิตค่ะ ซึ่งสมัยนี้แบบประกันก็มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแบบเงินออม แบบเกษียณ เป็นต้น ถึงแม้ผลตอบแทยอาจจะได้ไม่เท่ากับที่ใครหลายคนลงทุนในหุ้นหรือกองทุน แต่อย่างน้อยหากเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราแล้ว คนที่อยู่ข้างหลังเรา ครอบครัวเราก็จะไม่เดือดร้อน อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้มีเงินก้อนไว้ใช้ไว้ตั้งตัวยามที่เราไม่ได้อยู่กับพวกเขาแล้ว

ทุกคนส่วนใหญ่ย่อมอยากได้ผลตอบแทนที่มากและรวดเร็ว ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ โดยที่เราไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงในชีวิตเราที่ต้องเจอกันเลย และไม่ได้คาดคิดด้วยค่ะว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะงั้นเวลาที่หลายคนเจอเรื่องประกัน หรือได้ฟังตัวแทนเสนอว่าประกันดีอย่างงั้นอย่างนี้ เราก็จะไม่ค่อยได้เห็นประโยชน์มันซักเท่าไหร่ เพราะมันไม่เหมือนการลงทุนแบบอื่นๆ การซื้อประกันนั้นเหมือนเป็นการเก็บเงินให้ตัวเองในอนาคต และบางครั้งอาจเป็นเงินที่ตัวเองไม่ได้ใช้ เลยทำให้หลายคนไม่ค่อยสนใจ อีกทั้งระยะเวลาการส่งที่ค่อนข้างนาน ถอนออกมาใช้ก็ไม่คล่องตัวเหมือนการถอนเงินจากธนาคาร จนบางคนถึงกับบอกว่าฝากไว้ในธนาคารยังอุ่นใจกว่าฝากไว้ในประกัน แต่ถ้าเราศึกษาประโยชน์ของประกันจริงๆ นอกจากมันจะช่วยบริหารความเสี่ยงแล้ว หากเราจำเป็นต้องใช้เงินด่วน เราก็ไม่ต้องยกเลิกการส่งเบี้ยก็ได้ เพราะเราสามารถทำเรื่องกู้โดยเอากรมธรรม์เราเป็นตัวค้ำประกันได้ค่ะ(รายละเอียดตรงนี้ไว้ค่อยพูดถึงในบทหน้านะคะ) อีกทั้งถ้าสมมติเราส่งไม่ไหว อยากยกเลิกแล้ว  เราก็สามารถทำเรื่องเวณคืนได้ด้วยค่ะ(ซึ่งต้องมาหาจุดคุ้มทุนอีกที ตรงนี้อาจให้ตัวแทนช่วยดูได้ค่ะ) ซึ่งสิ่งที่อยากจะแนะนำทุกๆคนเลยคืออยากให้กระจายเงินของเราค่ะ อย่าวางไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว เพราะถ้าเดินสะดุดหกล้มไปแล้ว ไข่อาจจะแตกหมดเลยก็ได้ค่ะ

หลายคนซื้อรถคันใหม่ ยังซื้อประกันให้รถได้เลย แล้วชีวิตของเราละคะ สิ่งที่สำคัญที่สุด ทำไมเราถึงละเลยไม่ซื้อประกันให้ชีวิตตัวเองละคะ จริงไหม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รีวิว Ener-g แบบขวด วิตามินแบบน้ำ อีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับคนที่อ่อนเพลีย

ประสบการณ์ทำงานสตาร์บัคส์

รีวิวหมอนสุขภาพ หมอนสลบเหมือด Chowa ที่การันตีว่าหลับฝันดีไม่ปวดคอ จริงหรือไม่ มาดูกัน